วันศุกร์ที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2550

คนขายเครื่องกับฝรั่งชาติต่างๆ

การขายเครื่องกับคนต่างชาติแตกต่างกับคนไทยด้วยกันมากมายหลายอย่างครับ อย่างแรกเลยก้อเรื่องภาษาที่จะต้องใช้ในการสื่อสารต่อกัน ก้อคงไม่พ้นภาษาอังกฤษ นี่โชคดีนะครับที่ผมได้มีโอกาสไปเรียนที่เมืองนอกเมืองนา มาตั้งหลายปี ถึงแม้จะไม่ได้ปริญญากลับมา.. แต่ก็คุยกับฝรั่งได้สบายครับ ลูกค้าฝรั่งซื้อง่ายมากเพราะเค้าต้องการสินค้าคุณภาพจริงๆ แล้วก็ราคาไม่แพงเวอร์จนเกินไป (แต่ที่สำคัญต้องถูกกว่าเจ้าอื่นครับ) ส่วนอีกพวกนึงคือประเภทฝรั่งขี้นก ประมาณว่าอพยพมาอยู่ในประเทศไทยว่างั้นเหอะ มีหลายชาติเหลือเกินเช่นพวกที่มาจากอัฟฟริกา ส่วนใหญ่ก็จะพักอาศัยอยู่แถวๆบางรัก สีลม สาธร นั้นแหละครับ พวกนี้มักจะหาเครื่องโม่ถั่ว (Grinder)เพื่อเอาไปทำเป็นเนยถั่ว peanut butter กินกัน (ไม่รู้ว่าทำกินเองอร่อยกว่าซื้อกินมากไหม) ซึ่งคนไทยไม่ค่อยมีใครรู้จักกันหรอกครับ กว่าจะคุยกันเข้าใจและรู้เรื่องครับพี่น้อง... ก้อพี่แกภาษาอังกฤษสำเนียงอัฟริกัน มันฟังรู้เรื่องง่ายๆซะที่ไหนกันหล่ะครับ คุยไป มือไม้ก้อทำท่าทำทางอยู่ไม่สุขครับ สุดท้ายก้อสำเร็จ เข้าใจกันได้ ผมก็เริ่มชินกับสำเนียงเค้า เค้าก็ค่อยๆอธิบายให้เราเข้าใจ นั้นเป็นความประทับใจที่ผมมิรู้ลืม... งืมๆ


ส่วนฝรั่งอีกพวกหนึ่งที่อดพูดถึงไม่ได้ก้อคือพวก พุด-ม่า-ชัก หรือพวกคนจีนอพยพ... ลูกค้าพวกนี้มีความสามารถพิเศษในการทำน้ำเต้าหู้ที่อร่อยมาก อาจจะเป็นเพราะใช้กำลังภายในเข้าช่วย ถึงได้รสชาดอร่อยขนาดนี้ เครื่องที่ซื้อก้อคงไม่พ้น เครื่องโม่สำหรับทำน้ำเต้าหู้ (Soyamilk Making Machine) ซึ่งเป็นเครื่องที่ดีและสะดวกมาก เพราะขั้นตอนในการทำงานนั้นง่ายมาก ลองนับตามนะครับ 1.เปิดเครื่อง 2.ใส่ถั่ว 3.เอาน้ำไปต้ม... 4. กิน 5.จบ... เหอๆ ง่ายมากเลยใช่ไหม อิอิ (นอกเรื่องอีกละ) -*-
ส่วนลูกค้าอีกพวกหนึ่งที่ผมจำได้ไม่เคยลืมเลย พวกเขาน่ารักมากๆๆ ฝรั่งพวกนี้ต้องการเอาสินค้ากลับไปใช้ที่ประเทศตัวเอง แล้วก็ฝรั่งพวกที่ต้องการเปิดร้านอาหารตามริมทะเล-ชายหาด-เกาะต่างๆในเมืองไทย ซึ่งพวกเขามักจะมาเหมาของไปหมดแทบทั้งร้าน แบบที่ว่ามีอะไรเสนอไปเอาหมดว่างั้นเหอะ ส่วนใหญ่ก็จะซื้อประเภทพวก ตู้อบขนม-อบพิซซ่า (Oven) , เครื่องตีแป้ง-ตีไข่-ตีครีม (Mixer) เตาสำหรับทำสเต็ก (Griller) เตาทอดเฟรนฟราย (Deep Fryer) ลูกค้าพวกนี้จะเน้นเพียงอย่างเดียวคือเรื่องความชัวว์ของสินค้าเพราะเมื่อเอาไปแล้วจะต้องใช้งานได้100% ห้ามมีการเสียเด็ดขาดเพราะระยะทางมันไกล และค่าขนส่งทีละตัวมันไม่คุ้ม เพราะฉะนั้นสินค้าทุกตัวจึงต้องมีการทดลองเครื่องให้เรียบร้อยเสียก่อนที่จะส่งไปถึงมือผู้รับ ครับ

นอกจากนี้ยังมีเรื่องระบบไฟฟ้าเป็นเรื่องที่ต้องระมัดระวังเป็นอย่างมาก บางประเทศใช้ไฟไม่เหมือนบ้านเรา ซึ่งบ้านเราใช้ไฟ 220V. บางประเทศใช้ไฟ 110V. ถ้าเอาเครื่องไปเสียบผิดเสียบถูก มีหวังระเบิดแน่... เพราะงั้นเองเราจึงต้องถามลูกค้าตรงๆว่าเอาไปใช้ที่ประเทศไหน เพื่อที่จะได้จัดให้ตรงกับระดับไฟประเทศนั้นๆ ครับ เพื่อความปลอดภัย

คนขายเครื่องกับวิวัฒนาการของเครื่องหั่นเนื้อ

ขึ้นชื่อว่า "เครื่อง" ก็คือสิ่งประดิษฐ์ที่มนุษย์สร้างขึ้นเพื่อทดแทนแรงงานคนที่ไม่ค่อยเอาแน่เอานอนได้ เดี๋ยวอารมณ์ดีก็ทำงานดี เดี๋ยวอารมณ์ไม่ดีก็ทำงานเสีย บางทีก็มีหยุด มีลาป่วยบ้าง เผลอๆก็ลาออกซะงั้น เพราะฉะนั้น " เครื่อง " จึงเป็นสิ่งจำเป็นในการประกอบธุรกิจครับ


เครื่องหั่นเนื้อ (Meat Slicer)เป็นเครื่องที่นิยมใช้กันมากในตลาดสด เพื่อหั่นเนื้อที่มีขนาดใหญ่ประมาณเท่ากำมือ ให้เป็นแผ่นๆทั้งหนาบ้าง บางบ้าง ขึ้นอยู่กับประเภทที่นำไปใช้งานเช่น ความบางขนาดประมาณ 5 มิลลิเมตร ก็จะเอาไว้สำหรับใช้ทำเนื้อ-หมูราดหน้า, สะเต๊ะ หรือถ้าบางๆหน่อยก็ประมาณ 3.5 มิลลิเมตร เนื้อพวกนี้จะเหมาะแก่การเอาไปทำหมูกะทะ เพราะสุกง่าย ลูกค้าชอบ ถ้าเนื้อชิ้นหนาๆจะสุกยาก ยิ่งทำให้ต้องรอนาน ลูกค้าร้านหมูกะทะเค้าว่างั้น...

จนมาถึงบัดนี้วิวัฒนาการของเครื่องหั่นเนื้อได้เปลี่ยนไปอีกขึ้นตรงที่สามารถลบข้อจำกัดของเครื่องหั่นเนื้อของเก่าได้ก็คือการปรับเปลี่ยนขนาดในการหั่นเช่น หากงานเราต้องการใช้ทั้งสองประเภท ไม่ต้องซื้อทั้งสองเครื่องเลยรึ... เพราะเครื่องรุ่นเก่าไม่สามารถปรับเปลี่ยนขนาดความหนา-บางของเนื้อได้ แต่เครื่องรุ่นใหม่นี้สามารถทำได้เครื่องนี้คือ เครื่องสไลด์เนื้อ (Slicing Machine) เครื่องสไลด์เนื้อเครื่องนี้ใช้ใบมีดที่คล้ายกับ ใบมีดวงเดือน และหมุนไปด้วยความเร็วสูง สามารถปรับระดับความหนา-บาง เมื่อไหร่ก็ได้ที่ต้องการบางชิ้นนึง หนาชิ้นนึง แล้วมาหนาใหม่ก็ได้ เหอๆ ดีครับ เครื่องอย่างนี้ก็ได้มีร้านอาหารญี่ปุ่น ร้านเกาหลี ร้านหมูกะทะชื่อดังหลายร้านซื้อไปใช้ประจำสาขา เพื่อความสะดวกและรวดเร็วในการหั่นโดยที่ขนาดของเครื่องนั้นเล็กกว่าโทรทัศน์เสียอีก... จิ๋วแต่แจ๋วแบบนี้น่าจะมีใช้ประจำที่ร้านคุณนะครับ งืมๆ